การเตรียมเอกสารสำหรับการยื่นขอสินเชื่อบ้านจากธนาคารเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านปวดหัวไม่น้อย เพราะผู้กู้เองอาจไม่แน่ใจว่าควรเตรียมเอกสารใดบ้าง บางทีคิดว่าครบถ้วนแล้ว แต่พอยื่นเอกสารกับธนาคารจริง กลับถูกขอให้ยื่นเอกสารเพิ่มเติม นอกจากเอกสารที่ต้องครบตามที่ธนาคารต้องการ ยังมีข้อมูลของผู้กู้ที่ต้องถูกต้องและตรงกับความจริง อย่างไรก็ดีการเตรียมเอกสารเพื่อยื่นขอสินเชื่อบ้านจากธนาคารในแต่ละบุคคลจะแตกต่างกันในรายละเอียดของเอกสารที่ต้องมี ทั้งนี้การเตรียมเอกสารมากน้อยขนาดไหนขึ้นอยู่กับอาชีพของผู้กู้เป็นหลัก
ทางโครงการบ้านคุณธีร์เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว และต้องการลดข้อผิดพลาดจากการเตรียมเอกสาร ดังนั้น จึงขอแนะนำการเตรียมเอกสารเบื้องต้นเพื่อยื่นกู้สินเชื่อจากธนาคาร โดยมีรายละเอียด ดังนี้
อันดับแรก ผู้กู้ต้องทราบก่อนว่าอาชีพปัจจุบันจัดอยู่ในกลุ่มไหน เพราะสัมพันธ์กับการเตรียมเอกสาร แต่ละอาชีพ ธนาคารต้องการเอกสารสำหรับใช้พิจารณาอนุมัติสินเชื่อบ้านแตกต่างกัน ซึ่งสามารถแบ่งอาชีพเพื่อเตรียมเอกสารในการขอสินเชื่อจากธนาคาร เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มพนักงานบริษัทเอกชน ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ กลุ่มพนักงานบริษัทเอกชนในส่วนของฝ่ายขาย และกลุ่มเจ้าของธุรกิจหรือกิจการ โดยมีรายละเอียดของเอกสารประกอบการพิจารณายื่นกู้สินเชื่อบ้านของแต่ละกลุ่ม ดังนี้
1. กลุ่มพนักงานบริษัทเอกชน ข้าราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ
(1) สำเนาบัตรประชาชน/สำเนาบัตรข้าราชการ/สำเนาบัตรพนักงานรัฐวิสาหกิจ
(2) สำเนาทะเบียนบ้าน (ที่อยู่ตามสำเนาทะเบียนบ้านต้องตรงกับที่อยู่ตามบัตรประชาชนของผู้กู้)
(3) สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี) ทะเบียนสมรส ใบสำคัญการหย่า หรือใบมรณบัตร
(4) หากผู้กู้มีคู่สมรส ต้องเตรียมสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของคู่สมรส หากคู่สมรสมีการเปลี่ยนชื่อ-สกุล ต้องเตรียมสำเนาการเปลี่ยนชื่อสกุลของคู่สมรส ในกรณีผู้กู้มีสถานะหย่าร้าง ต้องเตรียมสำเนาเอกสารใบสำคัญการหย่า หากคู่สมรสเสียชีวิต ต้องเตรียมสำเนาเอกสารใบมรณบัตรของคู่สมรส
(5) หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ) เป็นเอกสารยืนยันว่าผู้กู้ได้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเรียบร้อย หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ) เป็นเอกสารรายปีที่บริษัทออกให้ลูกจ้าง มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเจ้าหน้าที่ธนาคารที่พิจารณาสินเชื่อบ้านจะพิจารณาหนังสือการรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นหลัก และดูว่ารายได้ของผู้กู้ตรงกับในใบรับเงินเดือนหรือสลิปเงินเดือน ที่ยื่นกับธนาคารหรือไม่ หรือ มีรายได้เพิ่มเติมตรงอื่นหรือไม่
(6) หนังสือรับรองเงินเดือน สามารถขอจากบริษัทที่ผู้กู้ทำงานได้เลย หากผู้กู้เป็นข้าราชการหรือทำงานรัฐวิสาหกิจจะต้องยื่นผ่านสิทธิสวัสดิการ เพื่อดูว่าผู้กู้มีสิทธิสวัสดิการอะไรบ้าง เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิจารณาสินเชื่อทราบ)
(7) สลิปเงินเดือนหรือใบรับเงินเดือนย้อนหลัง โดยปกติ ถ้าเป็นพนักงานบริษัทเอกชน ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ต้องแสดงใบรับเงินเดือนหรือสลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน นอกจากนี้ยังต้องเป็นใบรับเงินเดือนหรือสลิปเงินเดือนย้อนหลังโดยเริ่มจากเดือนปัจจุบันล่าสุดย้อนหลังไป
(8) เอกสารรายการเดินบัญชีที่แจ้งจำนวนเงินข้อมูลรายการฝาก-ถอน (หรือเอกสาร Statement จากธนาคาร) ของผู้กู้ย้อนหลัง 6 เดือน โดยนับจากเดือนปัจจุบันล่าสุดย้อนหลังไป 6 เดือน สามารถทำเรื่องขอได้จากเคาน์เตอร์ธนาคารโดยตรง มีค่าใช้จ่ายประมาณ 200-300 บาท หรือสามารถทำเรื่องขอจาก Mobile Banking ผ่านโทรศัพท์มือถือ การทำเรื่องขอเอกสารรายการเดินบัญชีที่แจ้งจำนวนเงินข้อมูลรายการฝาก-ถอน ทางช่องทางนี้ ผู้กู้ต้องพิมพ์เอกสารเองด้วยกระดาษ A4 มีสภาพสมบูรณ์และสะอาดตา นอกจากนี้ ผู้กู้ต้องเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องทุกหน้า
2. กลุ่มพนักงานบริษัทเอกชนในส่วนของฝ่ายขาย
(1) สำเนาบัตรประชาชน
(2) สำเนาทะเบียนบ้าน
(3) สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ทะเบียนสมรส ใบสำคัญการหย่า หรือใบมรณบัตร(ถ้ามี)
(4) หากผู้กู้มีคู่สมรส ต้องเตรียมสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของคู่สมรส หากคู่สมรสมีการเปลี่ยนชื่อ-สกุล ต้องเตรียมสำเนาการเปลี่ยนชื่อสกุลของคู่สมรส ในกรณีผู้กู้มีสถานะหย่าร้าง ต้องเตรียมสำเนาเอกสารใบสำคัญการหย่า หากคู่สมรสเสียชีวิต ต้องเตรียมสำเนาเอกสารใบมรณบัตรของคู่สมรส
(5) หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ)
(6) หนังสือรับรองเงินเดือน
(7) สลิปเงินเดือนหรือใบรับเงินเดือนย้อนหลัง 3 – 6 เดือน
(8) เอกสารรายการเดินบัญชีที่แจ้งจำนวนเงินข้อมูลรายการฝาก-ถอน (หรือเอกสาร Statement จากธนาคาร) ของผู้กู้ย้อนหลัง 6 เดือน โดยนับจากเดือนปัจจุบันล่าสุดย้อนหลังไป 6 เดือน
(9) เอกสารแสดงค่าคอมมิชชั่น ธนาคารแต่ละแห่งจะขอเอกสารที่เกี่ยวข้องกับค่าคอมมิชชั่นไม่เหมือนกัน บางธนาคารขอเอกสารค่าคอมมิชชั่นย้อนหลัง ตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 1 ปี หรือ 2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริษัทที่ผู้กู้ทำงานและอายุงานของผู้กู้ ซึ่งแต่ละธนาคารจะคำนวณค่าคอมมิชชั่นแตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น ธนาคารแห่งหนึ่งคำนวณค่าคอมมิชชั่นที่อัตราร้อยละ 30 ของค่าคอมมิชชั่นในแต่ละเดือนเฉลี่ยย้อนหลัง 6 เดือน บางธนาคารคำนวณค่าคอมมิชชั่นย้อนหลัง 6 เดือนที่อัตราร้อยละ 50 ของค่าคอมมิชชั่นในแต่ละเดือน ซึ่งจะใช้วิธีแบบไหนในการคำนวณค่าคอมมิชชั่นขึ้นอยู่กับธนาคารที่ผู้กู้ทำเรื่องขอยื่นกู้สินเชื่อบ้าน
3. กลุ่มเจ้าของธุรกิจหรือกิจการ
ผู้กู้ในกลุ่มนี้จะมี 2 กลุ่ม ได้แก่ เจ้าของธุรกิจหรือกิจการแบบจดทะเบียนการค้า และเจ้าของธุรกิจหรือกิจการแบบไม่ได้จดทะเบียนการค้า
3.1 สำหรับเจ้าของธุรกิจหรือกิจการแบบจดทะเบียนการค้า
(1) สำเนาบัตรประชาชน
(2) สำเนาทะเบียนบ้าน
(3) สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ทะเบียนสมรส ใบสำคัญการหย่า หรือใบมรณบัตร(ถ้ามี)
(4) หากผู้กู้มีคู่สมรส ต้องยื่นสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของคู่สมรส หากคู่สมรสมีการเปลี่ยนชื่อ-สกุล ต้องมีการยื่นสำเนาการเปลี่ยนชื่อสกุลของคู่สมรสเช่นกัน หากเคยสมรสและหย่ากันแล้ว ต้องมีเอกสารสำคัญการหย่า หรือคู่สมรสเสียชีวิต ต้องยื่นใบมรณบัตรของคู่สมรส
(5) สำเนาทะเบียนการค้า และสำเนาทะเบียนบริษัท ต้องมีหนังสือสรุปการประชุม ยินยอมให้มีการซื้อบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์
(6) เอกสารรายการเดินบัญชีที่แจ้งจำนวนเงินข้อมูลรายการฝาก-ถอน (หรือเอกสาร Statement จากธนาคาร) ของผู้กู้ย้อนหลัง 6 เดือน โดยนับจากเดือนปัจจุบันล่าสุดย้อนหลังไป 6 เดือน
3.2 สำหรับเจ้าของธุรกิจแบบไม่ได้จดทะเบียนการค้า
(1) สำเนาบัตรประชาชน
(2) สำเนาทะเบียนบ้าน
(3) สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ทะเบียนสมรส ใบสำคัญการหย่า หรือใบมรณบัตร(ถ้ามี)
(4) หากผู้กู้มีคู่สมรส ต้องเตรียมสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของคู่สมรส หากคู่สมรสมีการเปลี่ยนชื่อ-สกุล ต้องเตรียมสำเนาการเปลี่ยนชื่อสกุลของคู่สมรส ในกรณีผู้กู้มีสถานะหย่าร้าง ต้องเตรียมสำเนาเอกสารใบสำคัญการหย่า หากคู่สมรสเสียชีวิต ต้องเตรียมสำเนาเอกสารใบมรณบัตรของคู่สมรส
(5) ภาพถ่ายของกิจการ ผู้กู้ต้องแสดงหลักฐานการดำเนินกิจการ หรือธุรกิจ เพื่อบอกว่าดำเนินธุรกิจอะไรในปัจจุบัน เช่น หากเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว หรือร้านขายของชำ ต้องมีรูปถ่ายของร้าน แสดงที่ตั้งของร้าน ประมาณ 3 – 5 รูป (เพื่อบอกว่าดำเนินธุรกิจจริง มีสถานที่จริง)
(6) แผนที่ของกิจการเพื่อบอกว่าอยู่ตรงไหน
(7) สัญญาเช่าสถานที่ที่ใช้ในการดำเนินกิจการหรือประกอบธุรกิจ หากเป็นที่ของลูกค้าเองก็ต้องมีเอกสารยื่นให้กับธนาคารเพื่อยืนยัน)
(8) เอกสารรายการเดินบัญชีที่แจ้งจำนวนเงินข้อมูลรายการฝาก-ถอน (Statement จากธนาคาร) ของผู้กู้ย้อนหลังอย่างน้อย 1 ปี โดยนับจากเดือนปัจจุบันล่าสุดย้อนหลังกลับไป 1 ปี
(9) บัญชีรายรับ-รายจ่ายของกิจการ และใบเสร็จย้อนหลังซื้อสินค้าอย่างน้อย 1 ปี ในส่วนของใบเสร็จย้อนหลังซื้อสินค้า แนะนำว่าควรตรงกับ Statement ที่ขอจากธนาคาร ย้อนหลังอย่างน้อย 1 ปี)
สรุป
ในส่วนนี้จะเป็นแนวทางในการยื่นกู้สินเชื่อบ้านจากธนาคารเบื้องต้น โดยที่ทางโครงการบ้านคุณธีร์เป็นฝ่ายดำเนินการยื่นเอกสารกับธนาคาร โดยเลือกธนาคารที่ตรงกับคุณสมบัติและเป็นประโยชน์สูงสุดกับผู้ซื้อบ้าน
หลังจากที่ผู้ซื้อได้ทำสัญญาจองซื้อบ้านด้วยจำนวนเงิน 5,000 บาท (เป็นราคาที่เปิดให้จองบ้านกับโครงการบ้านคุณธีร์ เมื่อมีการชำระเงินจองซื้อบ้านเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นสามารถทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อจากธนาคารได้เลยทันที ซึ่งผู้ซื้อจะต้องให้รายละเอียดส่วนตัวกับทางโครงการฯ เช่น อาชีพ รายได้ เพื่อที่โครงการบ้านคุณธีร์จะได้ประเมินและเลือกธนาคารที่เหมาะสมกับผู้ซื้อ หลังจากนั้น ทางโครงการฯ จะแจ้งการเตรียมเอกสารสำหรับยื่นขอสินเชื่อบ้านจากธนาคารให้ผู้ซื้อ และผู้ซื้อต้องดำเนินการเตรียมเอกสารในส่วนนี้เอง
เมื่อผู้ซื้อส่งเอกสารให้กับทางโครงการฯ จะมีการตรวจเอกสารอีกรอบเพื่อให้แน่ใจว่าครบถ้วนตามที่ธนาคารต้องการ หากไม่ครบ ทางโครงการฯจะแจ้งผู้ซื้อให้ส่งเอกสารที่ยังขาดอยู่
เมื่อเอกสารครบถ้วนแล้ว ทางโครงการบ้านคุณธีร์จะทำการยื่นเอกสารการกู้สินเชื่อบ้านให้กับธนาคาร
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _
ชมข้อมูลโครงการบ้านคุณธีร์ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ผ่านช่องทาง
Facebook: THEE Home
LINE: @theehome
คุณเจ: 095-645-6942